วันพุธที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2555

แหล่งเรียนรู้ "ตึกลูกเต๋า"


          ความก้าวหน้า และความทันสมัยของเทคโนโลยี นำไปสู่การพัฒนาการเรียนรู้ ซึ่งไม่ได้มีเพียงแค่ในชั้นเรียน แต่ยังสามารถแสวงหาความรู้จากแหล่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ท้องฟ้าจำลอง พิพิธภัณฑ์ทรัพยากรธรณี พิพิธภัณฑ์การบินทหารบก ก็สามารถสร้างความรู้ และเพิ่มความอยากรู้ให้กับตนเองได้

          และนี้ก็จะเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยว ที่จะสามารถพัฒนาความอยากรู้ และตอบข้อสงสัยของผู้ไม่รู้ในความเป็นวิทยาศาสตร์ เช่น เรื่องราวของ คณิตศาสตร์ แสง เสียงไฟฟ้า แม่เหล็ก แรงเสียดทาน ความร้อน สสาร โมเลกุล แรง และการเคลื่อนที่ และพลังงานในรูปแบบต่างๆ จากอุโมงค์พลังงาน เป็นต้น

                      ซึ่งแหล่งการเรียนรู้นั้นก็คือ...... 

"พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์"

ประวัติความเป็นมา

          พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ได้สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ เพื่อให้เป็นแหล่งความรู้ทางวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กๆ ครอบครัว ประชาชนทั่วไป และนักท่องเที่ยว โดยมีแนวคิดที่จะสร้างประสบการใหม่ที่น่าตื่นเต้น และมีสาระ เปิดโอกาสให้พวกเราชม ทดลอง สัมผัส และค้นหาคำตอบด้วยตนเอง มีการจัดแสดงผลงาน เชื่อมโยงเทคโนโลยีสากลกับเทคโนโลยีที่เป็นภูมิปัญญาไทย นิทรรศการ และการแสดง

          เปิดให้บริการแก่ประชาชนเข้าชมอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2543 เป็นต้นมา

วัตถุประสงค์

          ได้กระตุ้น และชักนำให้สังคมไทยตื่นตัวในด้านการศึกษาวิจัย พัฒนา ใช้วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน การผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีดั้งเดิมกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ในการพัฒนาอาชีพ และยกระดับสภาพความเป็นอยู่ของประชาชน และการพัฒนาประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ 

ความน่าสนใจของพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์

 ภายในพิพิธภัณฑ์ฯ ก็มีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย ได้แก่

          ชั้นที่ 1 ส่วนต้อนรับ และแนะนำการเข้าชม

http://www.nsm.or.th/nsm2009/sci/index.php?option=com_nsmcontents&views=article&id=157&Itemid=17&lang=th
          ส่วนต้อนรับและแนะนำการเข้าชม จัดแสดงเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของการก่อตั้งพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ ผลงานการค้นคว้าของนักวิทยาศาสตร์สาขาต่าง ๆ ทั่วโลก รวมถึงโถงจัดแสดงนิทรรศการหมุนเวียน และยังมีส่วนการให้บริการข้อมูล ส่วนจำหน่ายบัตร บริเวณจุดนัดพบ และร้านจำหน่ายของที่ระลึก และนิทรรศการไฟฟ้า

          ชั้น 2 : ประวัติการค้นพบสิ่งประดิษฐ์ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และดินแดนวิทยาศาสตร์
http://culturegap.wordpress.com/2007/10/24/

          จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับวิวัฒนาการของวิทยาศาสตร์ ในด้านต่าง ๆ ทั้งการสื่อสาร พลังงาน โลก และอวกาศ สสาร และสิ่งมีชีวิต ทัศนของนักวิทยาศาสตร์เด่นของโลก ผลของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่มีต่อธรรมชาติ และสภาวะแวดล้อม การกำเนิดมนุษยชาติ และความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ โดยมีการจัดแสดงหุ่นจำลองของลูซี่ ซึ่งจำลองมาจากซากดึกดำบรรพ์ที่ขุดพบในประเทศเอธิโอเปีย เมื่อ พ.ศ. 2517 ลิงใหญ่ชนิดนี้เป็นบรรพบุรุษของมนุษย์







          ชั้น 3 : วิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐาน และพลังงาน
          
http://www.nsm.or.th/nsm2009/sci/index.php?ption=com_nsmcontents&views=article&id=157&Itemid=17&lang=th 
          แสดงหลักการทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีพื้นฐานและพลังงาน ที่จัดแสดงในรูปชิ้นงานสื่อสัมผัส เพื่อให้ผู้ชมได้ทดลอง สัมผัส จับต้อง หรือเล่นได้ ประกอบด้วยเรื่องราวของ คณิตศาสตร์ แสง เสียงไฟฟ้า แม่เหล็ก แรงเสียดทาน ความร้อน สสาร โมเลกุล แรง และการเคลื่อนที่ และพลังงานในรูปแบบต่าง ๆ จากอุโมงค์พลังงาน เช่น พลังงานของโลก พลังงานจากดวงอาทิตย์ พลังงานนิวเคลียร์ เชื้อเพลิงฟอสซิล พลังงานลม พลังงานน้ำ และพลังงานจากมนุษย์

          ชั้น 4 : วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเกี่ยวกับประเทศไทย

http://www.nsm.or.th/nsm2009/sci/index.php?option

          นิทรรศการชั้นนี้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ผู้เข้าชมได้เข้าใจเกี่ยวกับลักษณะของประเทศไทย ในเรื่องที่ตั้ง ทางภูมิทัศน์ ภูมิศาสตร์, ธรณีวิทยา, นิเวศวิทยา ตลอดจนการใช้วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีด้านการผลิตทางการเกษตร และอุตสาหกรรม ศึกษาภูมิอากาศ ฤดูกาล และอิทธิพลของสิ่งต่างๆ ที่มีผลต่อภูมิอากาศของโลก เรียนรู้เทคโนโลยีสิ่งก่อสร้าง และโครงสร้าง เพื่อการนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน







          ชั้น 5 : วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีในชีวิตประวัน

http://www.nsm.or.th/nsm2009/sci/index.php?option  


          นิทรรศการชั้นนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความเข้าใจถึงการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการดำรงชีวิตประจำวัน โดยแบ่งออกเป็น 5 ส่วนนิทรรศการ โดยจะจัดแสดงในรูปของแบบจำลอง สื่อผสม แผ่นแสดง และวัตถุตัวอย่าง







          ชั้นที่ 6 : เทคโนโลยีภูมิปัญญาไทย

http://www.nsm.or.th/nsm2009/sci/index.php?option  



         จัดแสดงเรื่องราวของภูมิปัญญาไทยที่สืบทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษจนมาถึงปัจจุบัน โดยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเป็นผู้รวมรวม และจัดตั้งเป็นมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพขึ้น เพื่อเป็นการอนุรักษ์ภูมิปัญญาไทย ส่งเสริมการสร้างรายได้ให้แก่ประชาชน






การเดินทาง

http://travel.kapook.com/view1042.html

ถนนวิภาวดี -รังสิต ขาเข้าจากสระบุรี เข้าได้ 2 ทางคือ

          - เส้นทางมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เลี้ยงซ้ายผ่านวัดธรรมกาย อ. คลองหลวง - หนองเสือ ถึงทางแยก แยกซ้ายไปหนองเสือ ให้เลี้ยวขวาไปพิพิธภัณฑ์ฯ ระยะทาง 2 กม. พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์อยู่ซ้ายมือ
           - เส้นทางฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต เลี้ยวซ้ายถนนรังสิต - นครนายก เส้นทางเดียวกันกับ ดรีมเวิลด์ ดรีมเวิลด์อยู่ระหว่างคลอง 3 กับ คลอง 4 ตรงไปเรื่อยๆ สังเกตถนนวงแหวนตะวันออกค่อมอยู่ ตรงไปอีก 200 เมตร เจอสะพานคลอง 5 ลงสะพานชิดซ้าย เลี้ยวซ้ายเข้าซอยอีก 4 กม. เลี้ยวขวาเข้าเทคโนธานี(ถึงวงเวียนเลี้ยวซ้ายเข้าพิพิธภัณฑ์ฯ)

ถนนวิภาวดี - รังสิต ขาออกจากกรุงเทพฯ
           ตรงมาจากดอนเมือง ป้ายบอกทางพิพิธภัณฑ์ ฯ อยู่ซ้ายมือ สังเกตจะมี 2 สะพาน คือขวามือไปสระบุรี นครสวรรค์ ให้ใช้สะพานซ้ายมือ ปทุมธานี นครนายก ใช้เส้นทางรังสิต - นครนายก ตรงไป 15 กม. เส้นเดียวกับดรีมเวิลด์ ถึงสะพานคลอง 5 ลงจากสะพานเลี้ยวซ้ายเข้าซอยอีก 4 กม. เลี้ยวขวาเข้าเทคโนธานี (ถึงวงเวียนเลี้ยวซ้ายเข้าพิพิธภัณฑ์ฯ)

การบูรณาการกับวิชาวิทยาศาสตร์

          พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งนี้ สามารถนำไปจัดการเรียนรู้บูรณาการกับวิชาวิทยาศาสตร์ทุกสาขาวิชาตั้งแต่ประถมถึงมัธยม เพราะภายในพิพิธภัณฑ์ฯ แหล่งนี้ได้รวบรวมทั้งความรู้ของวิทยาศาสตร์พื้นฐาน วิทยาศาสตร์กายภาพ ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ อีกทั้งเกล็ดความรู้มากมาย

          ดังนั้นแหล่งเรียนรู้นี้จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคุณครูวิทยาศาสตร์ ที่จะนำนักเรียนมาศึกษาและหาความรู้เพิ่มเติม


                    "การพัฒนาการเรียนรู้      
                
                               ไม่ได้หยุดอยู่แค่ในชั้นเรียน...."



ที่มา :  http://www.nsm.or.th/nsm2009/sci/index.php
           http://travel.kapook.com/view1042.html

วันจันทร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2555

นวัฒกรรมเทคโนโลยีการศึกษา

กระดานอัจฉริยะ (Active board)



          กระดานอัจฉริยะ คือเทคโนโลยีที่พัฒนามาเพื่อใช้กับการเรียนการสอนที่ช่วยให้ผู้ฝึกสอน ผู้อบรม สามารถขีดเขียนบนกระดานอัจฉริยะได้เลย โดยไม่ต้องใช้ปากกา ชอล์ก เพื่อสร้างปฎิสัมพันธ์ระหว่างผู้อบรม และผู้ฟัง โดยการทำงานของ กระดานอัจฉริยะนั้น จะเป็นการ เชื่อมต่อกับระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อให้สามารถขีดเขียน เล่นไฟล์ภาพถ่าย ไฟล์สไลด์ ไฟล์วีดีโอ หรือ Flash animation ทั้งนี้ยังสามารถทำงานร่วมกับ Internetได้อีกด้วย

          เหมาะสำหรับการอบรม เพื่อเรียนรู้ทั้งห้องเรียน และยังสามารถให้ นักเรียนหลายคนเข้ามามีส่วนร่วมกับ กระดานอัจฉริยะได้ ปัจจุบัน กระดานอัจฉริยะถูกนำมาใช้แผร่หลายใน การอบรม สัมมนา ประชุมทางวิชาการ หรือธุรกิจ และการนำเสนองานต่างๆ โรงเรียน, หน่วยงานราชการ, หน่วยงานเอกชน,ศูนย์อบรม

          เป็นเทคโนโลยีที่ใช้คลื่นอินฟราเรด ในการรับจุดตัดโดยจะมีตัวส่งคลื่นอินฟราเรด และตัวรับคลื่นอินฟราเรดทั้ง 4 ด้านของตัวกระดานอัจฉริยะ ส่งสัญญาณในแนวตั้ง และแนวนอนตัดกันเป็นจุด เมื่อมีวัตถุเข้าไปสัมผัสผ่านคลื่นอินฟราเรด ก็จะทำให้เกิดจุดอับสัญญาณขึ้นทำให้คอมพิวเตอร์รู้ว่าจุดที่คุณสัมผัสคือจุดไหน





ตัวอย่างเช่น

                    ข่าว "เด็กไทยเจ๋ง โชว์ไอเดียสื่อการสอนแบบใหม่"

          เด็กและเยาวชนทั่วประเทศ ร่วมส่งผลงานประกวดในโครงการ “ประกวดสื่อการสอนที่ใช้ร่วมกับกระดานอัจฉริยะ หรือ โครงการ iBoard Creative Contest ครั้งที่ 1” กันล้นหลาม และมีแนวคิดอยากให้หน่วยงานสถานศึกษาต่างๆ ผลักดันและส่งเสริมเยาวชนไทยมีความคิดสร้างสรรค์ กล้าแสดงออก ตลอดจนสามารถเข้าใจการผลิตสื่อการสอน รวมทั้งครู และอาจารย์ ก็สามารถเข้าใจเทคโนโลยีสมัยใหม่ได้มากยิ่งขึ้น โดยการพัฒนาสื่อการสอนคู่กับกระดานอัจฉริยะ ให้เกิดการมีส่วนร่วมกับการเรียนการสอนและความถูกต้องมากที่สุด
เนื้อข่าว : http://blog.eduzones.com/magazine/51264 


บทบาทของเทคโนโลยีการศึกษา

          เทคโนโลยีที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เกิดเป็นนวัฒกรรมที่ทันสมัยครอบคลุมทุกการเคลื่อนไหวของมนุษย์และธรรมชาติ ตอบสนองความต้องการเพิ่มบทบาทไปในทางการศึกษา เช่น กระดานอัจฉริยะที่มีบทบาทในการส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียนให้เข้าใจในเนื้อหามากยิ่งขึ้น เพิ่มทักษะกระบวนการคิดและผลักดันให้มีความคิดสร้างสรรค์ที่จะนำเสนอเนื้อหาให้มีความแปลกใหม่ และน่าสนใจมากขึ้น
          
          กระดานอัจฉริยะเป็นเทคโนโลยีที่ค่อนข้างเหมาะกับการพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียน ทั้งสะดวก รวดเร็ว แม่นยำ และมีรูปแบบที่หลากหลาย แต่ราคาที่ค่อนข้างสูง จึงส่งผลต่อการนำมาใช้ทำให้มองว่าเป็นการสิ้นเปลือง หรือในบางครั้งเราไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องมือที่ทันสมัย ราคาแพง เป็นตัวช่วย แต่เราก็ยังสามารถพัฒนาคุณภาพการศึกษาไปได้เรื่อยๆ เช่นกัน

          แต่การนำเทคโนโลยีต่างๆ มาใช้ก็ต้องมองถึงความเหมาะสม เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน เพราะต่างก็มีข้อจำกัดของตัวเอง และควรเลือกใช้เทคโนโลยีอย่างมีสมอง


"ให้มนุษย์อยู่เหนือเทคโนโลยี
ไม่ใช่เทคโนโลยีอยู่เหนือมนุษย์...."


วันอาทิตย์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

การกระทำผิด พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์

รวบแฮกเกอร์ เจาะ-ดูดเงิน ลูกค้ากรุงไทย

                           เนื้อข่าว : http://www.thaiseoboard.com/index.php?topic=26727.0

สรุปข่าว...!!

          ตำรวจได้รวบรวมกำลัง พร้อมหมายศาลเข้าจับกุม นายดุสิต พิมพ์สุวรรณ อายุ 20 ปี นักเรียน กศน. สมุทรปราการ แฮกเกอร์หนุ่มเจาะรหัสผ่านดูดเงินลูกค้ากรุงไทย ที่ได้เปิดบัญชีออนไลน์(KTB-Online) หรือที่เรยกกันว่า โปรแกรม ID-PLUS+ ซึ่งถูกถอนเงินในบัญชีไปไม่น้อยกว่า 800,000 บาท ด้วยโปรแกรมที่สร้างจากไวรัสโทรจัน
          มีวิธีการโดยใช้เว็บไซต์สาธารณะที่ตัวเองเป็นสมาชิกอยู่ โพสลิงค์ที่น่าสนใจหรือเกสม์ออนไลน์ที่กำลังฮิต แนบโปรแกรมเข้าไป จากนั้นเมื่อมีคนกดเข้าไป จะเ็ป็นโปรแกรมไวรัสที่สามารถเชื่อมต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ผู้เสียหายใช้งานอยู่ จากนั้นก็จะทำการจ่ายเงินผ่านบัญชีของเจ้าของเครื่อง โดยผู้ต้องหาได้เข้าไปสั่งโอนเงินเพื่อชำระค่าโทรศัพท์ แล้วนำไปเปิดบริการเติมเงินออนไลน์ โดยจ่ายเงินแค่ครึ่งราคาก็จะได้รับในวงเงินเต็มๆ เช่น ต้องการเติมเงิน 100 บาท แต่ชำระเพียง 50 บาท
          การสืบสวนและตรวจสอบของเจ้าหน้าที่เริ่มจาก IP : address หมายเลขเครื่องผู้เสียหาย จนรู้ว่าทุกเครื่องได้มีการเข้าไปกดลิงค์ดังกล่าว ซึ่งเป็นกระทู้ของผู้ต้องหาที่เป็นสมาชิกเว็บไซต์ชื่อดังใช้นามว่า DEKROCK777 ทำให้ตรวจสอบไ้ด้ว่าผู้ปล่อยกระทู้เป็นใคร และขออนุมัติหมายศาลเข้าจับกุม

เปิดประเด็น

          1. แฮกเกอร์หนุ่มรู้วิธีการทำธุรกรรมการเงิน และการเลือกใช้โปรแกรมไวรัสมาจากไหน?
          2. การป้องกันการเจาะข้อมูลทำได้หรือไม่ ถ้าได้ควรทำอย่างไร?
          3. สามารถเอาโทษกับคนกระทำความผิด พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ได้อย่างไร?
          4. ถ้าหากเกิดขึ้นกับตัวเอง หรือคนรู้จักจะมีวิธีการแก้ปัญหานี้อย่างไร?

วิเคราะห์ประเด็น

          1. จากเนื้อข่าวแฮกเกอร์เป็นนักเรียน กศน. จึงมีโอกาสที่จะอยู่กับคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน และเคยศึกษาที่โรงเรียนกรุงเทพบริหารธุรกิจ แผนกคอมพิวเตอร์ จึงทำให้มีความรู้ในการใช้คอมพิวเตอร์พอสมควร  และเนื่องจากผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตขาดการดูแลเว็บไซน์อย่างต่อเนื่อง จึงทำให้กลายเป็นเครื่องมือหากิน และแหล่งเรียนรู้ของเหล่าแฮกเกอร์ที่จะนำไปใช้ในทางที่ผิดๆ
          
          2. การป้องกันสามารถทำได้ โดยให้มีความระมัดระวังในการดาวน์โหลดตามเว็บไซต์ต่างๆ ใช้วิจารณญาณ และพิจารณาให้ดีก่อนเลือกดาวน์โหลดไฟล์นั้นๆ โดยดูจากความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ หรือดูจากการแสดงความคิดเห็นของผู้ใช้งาน ที่อาจจะมีการแจ้งเตือน  และไม่ควรเข้าระบบเว็บไซต์ต่างๆค้างไว้ เมื่อดำเนินการเสร็จสิ้นให้ลงชื่อออกจากระบบทันที  และที่สำคัญควรลบประวัติการท่องเว็บอยู่เป็นประจำเพื่อทำลายเส้นทางการเจาะหาข้อมูลอื่นๆ ที่จำเป็น

          3. ต้องเห็นดู เป็นตาให้กับผู้ให้บริการเว็บไซต์ต่างๆ เมื่อพบเห็นโพสหรือบทความ วิธีการที่จะนำไปสู่การนำโปรแกรมดีดีไปใช้ในทางที่ผิด และมอบให้กฎหมายเป็นตัวตัดสินขั้นต่อไป

          4. กรณีเกิดขึ้นกับตัวเองหรือคนรู้จักให้รีบระงับการใช้งานและการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านเครือค่ายอินเตอร์เน็ตโดยทันทีที่พบความผิดปกติของบัญชี แล้วให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบหรือพนังงานธนาคารให้ตรวจสอบความผิดปกติดังกล่าว เพื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อไป

ความคิดเห็น/ผลกระทบทางสังคม

          จากข่าวข้างต้นการกระทำของแฮกเกอร์หนุ่มโดยเลือกที่จะใช้คอมพิวเตอร์ที่ตนถนัดมาใช้ในการขโมยข้อมูลอันมีค่าของบุคคลอื่น ซึ่งการกระทำดังกล่าวทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน และผิดต่อพระราชบัญญัติการใช้คอมพิวเตอร์เป็นการใช้ประโยชน์ที่ผิดประเภท ด้วยข้อมูลทางเลือกที่หลากหลาย การบริการที่ขาดการควบคุม และขาดการดูแลอย่างต่อเนื่องของผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต จึงเป็นช่องทางหากินของแก๊งมิจฉาชีพ ทำให้ปัญหาที่หลายฝ่ายยังแก้ไขไม่ได้

แหล่งที่มา : เจ้าพ่อบอร์ดเขียว.  (2551).  รวบแฮกเกอร์ เจาะ-ดูดเงิน ลูกค้ากรุงไทย.  สืบค้นจาก                
                           เว็บไซต์ http://www.thaiseoboard.com/index.php?topic=26727.0.
                           เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2552

วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2555

เบื้องหลังความสำเร็จ

กาลครั้งหนึ่ง...

นายรักษวิชช์ ปรัสพันธ์
         การผจญภัยอันแสนยิ่งใหญ่ เริ่มต้นขึ้นจากความรักระหว่างคน 2 คน คือ ป๊ากะม๊า  ต่างคน ต่างใจ ต่างเพศ ต่างวัย ต่างสถานที่ ต่างวัฒนธรรม ได้มาพบและรู้จักกัน เกิดความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น  ทำให้เกิดเป็น สิ่งเล็กๆ ที่เกิดจากรัก ขึ้นคือผู้เขียนนั้นเอง

         นายรักษวิชช์ ปรัสพันธ์  หรือที่ใครๆเรียกว่า 'ฟลุค' ได้ลืมตามองดูโลกอันกว้างใหญ่ใบนี้ในวันพฤหัสบดีที่ 25 เมษายน 2534 มีคนหลายๆคนสนใจกับคำว่า "รักษวิชช์" และมักจะเขียนผิด อ่านผิดกันอยู่เสมอ ก็เลยจะเล่าแจ้งแถลงไขให้ฟัง

         รักษวิชช์ (รัก-สะ-วิด)   เกิดจากคำว่า   รักษา + วิชา
                                              แปลว่า   ผู้รักษาวิชา

         เลยมีคนมองต่อว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรือป่าว? ที่มีคนชื่อนี้แล้วเรียนจบมาเป็นคุณครูสอนหนังสือ เป็นเรื่องที่แปลกและบังเอิญจริงๆหรอ!! นั้นสิครับ!! ตัวผู้เขียนเองก็ยังสงสัยอยู่เหมือนกัน  และนั้นก็ทำให้ผู้เขียนได้มาศึกษาต่อที่ มศว คณะวิทยาศาสตร์ สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ทั่วไป(กศ.บ. 5 ปี) โรงเรียนฝึกหัดครูชั้นสูง  เรียนครูที่ไหนก็ไม่ภูมิใจเท่า มศว


ความหลังฝังใจ...

         โดยความเป็นจริงแล้วผู้เขียนน่าจะได้อยู่เป็นคนชลบุรี เพราะม๊าเป็นคนชลบุรีโดยกำเนิด แต่ว่าป๊าบ้านอยู่อุบลฯ จึงทำให้ผู้เขียนต้องย้ายไปเป็นเด็กบ้านนอก และเริ่มเรียนที่อีสาน คือ จ.ศรีสะเกษ เพราะว่าป๊าได้รับเข้าบรรจุเข้าเป็นข้าราชการครูที่ศรีสะเกษ แล้วม๊าก็สอบบรรจุเข้ารับราชการครูในเวลาต่อมาและย้ายไปอยู่กับป๊าที่ศรีสะเกษ ผู้เขียนจึงได้ซึมซับประเพณีอีสานตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

         เริ่มเข้าเรียนที่โรงเรียนเอกชน(โรงเรียนมารีย์อุปถัมภ์ จ.ศรีสะเกษ)ตั้งแต่อายุ 6 ขวบ มีเพื่อน มีครู-อาจารย์ที่ดี และเริ่มชอบทำกิจกรรมมาตั้งแต่เด็กจนได้เป็นตัวแทนของเพื่อนๆทั้งโรงเรียน เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมการแข่งขันเกมส์กีฬาของรายการ 'ซูปเปอร์จิ๋ว'  ร่วมกับเพื่อนๆอีก 24 คน และคว้าแชมป์ภาคอีสานมาครอง  แล้วก็เรียนที่โรงเรียนเอกชนจนจบ ป.6


         จากนั้นใช้ความสามารถพิเศษของตนเองที่ได้ฝึกมา รวมกับประสบการณ์ในการเล่นดนตรีพื้นเมืองภาคอีสาน คือ โปงลาง ที่ป๊าสอนให้ตั้งแต่ตอนอยู่ ป.4 และเริ่มออกงานกับวิทยาลัยการอาชีพกันทรลักษ์ เดินสายเล่นดนตรีกับวงอยู่หลายงาน หลายจังหวัดทั่วประเทศ และด้วยความสามารถพิเศษที่มีอยู่จึงได้เข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนประจำอำเภอขนาดใหญ่พิเศษ(โรงเรียนกันทรลักษ์วิทยา อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ) มีนักเรียนมากกว่า 3,800 คน เข้าเรียนตั้งแต่ ม.1-ม.6

         และมีอีกหนึ่งความไว้วางใจที่ได้รับการคัดเลือกจากเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ชาวฟ้าเหลือง ให้ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการสภานักเรียนประจำปีการศึกษา 2551 โดยเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ของทางโรงเรียนอีกมากมาย และสำเร็จการศึกษาตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน ช่วงชั้นที่ 4 ด้วยผลการเรียนเฉลี่ย 3.35  ส่งผลให้ผู้เขียนได้มีโอกาศสมัครเข้าสอบคัดเลือกในระบบสอบตรงของ มศว และได้ผ่านการคัดเลือกเข้าเป็นนิสิตใหม่ มศว ในสาขาวิชาวิทยาศาสตร์ทั่วไป หลักสูตร กศ.บ. 5 ปี  คณะวิทยาศาสตร์ รุ่นที่35 ในที่สุด..


ก้าวแรกสู่บ้านหลังใหม่...

         บ้านสีเทา-แดง มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร ในรุ่นที่ 62 คณะวิทยาศาสตร์ รุ่นที่ 35 สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ทั่วไป รุ่นที่ 9  ได้รับความอบอุ่นตั้งแต่ก้าวเข้ามาในมหาวิทยาลัยโดยความดูแลของคณะครู-อาจารย์ รวมถึงรุ่นพี่อีกมากมายมาคอยดูแลเหมือนกับเป็นน้องแท้ๆของตัวเอง
         การเดินทางเข้ามายังมหาวิทยาลัยครั้งแรกก็ต้องพบกับความสับสนและวุ่นวาย ซึ้งเป็นช่วงที่มีการปรับปรุงภูมิทัศน์ของมหาวิทยาลัยหลายๆอย่าง มองหาตึกของคณะอย่างยากลำบาก ทั่งความแออัด และฝุ่นควันจากการก่อสร้างต่างๆ แต่ก็มีพี่ๆที่ค่อยต้อนรับเป็นอย่างดีกระจายอยู่โดยรอบมหาลัย ทำให้ผู้เขียนรู้สึกถึงความอบอุ่นตั้งแต่แรกเข้าจริงๆ
         ในการปรับตัวที่ยากสำหรับการเป็นนิสิตรุ่นใหม่ ทำให้ผู้เขียนกลายเป็นคนที่ชอบมองโลกในหลายๆ มุมมอง เป็นคนมองโลกในแง่ดี ชอบเป็นผู้ให้มากกว่าเป็นผู้รับ และด้วยเหตุผลที่มีหอพักอยู่ติดมหาลัย จึงได้รับเลือกให้เป็นประธานสาขาวิชา(ในช่วงแรกๆ)  ต่อมาการปรับตัวเริ่มเป็นปัญหาทำให้ต้องออกจากการเป็นประธานสาขาวิชาอยู่ช่วงหนึ่ง การที่ได้มีเวลาอยู่กับตัวเองมากขึ้นทำให้คิดที่จะเปลี่ยนตัวเองให้มีประโยชน์มากขึ้น ซึ่งเป็นการเรียนรู้อีกหนึ่งวิชาที่คิดว่าเป็นสิ่งที่ต้องกอบโกยให้มากที่สุดในขณะที่ยังศึกษาหาความรู้อยู่ นั่นคือ วิชาชีวิต  การทำงานร่วมกับผู้อื่น

การเสียเปรียบ...  คือความเสียสละ

จริงหรือ?  เป็นบทความที่ต้องหาคำตอบ

                  ความรู้ไม่ได้มีอยู่แค่ในห้องเรียนเสมอไป      จงตั้งใจที่จะแสวงหาความรู้ใหม่ๆอยู่เสมอ
         ทั้งเล่ห์เหลี่ยม มุมมอง ความแตกต่างที่ต้องเจอ       จงกล้าเสมอที่จะเผชิญปัญหาและความจริง..


ติดต่อผมได้ที่
E-mail : fluke-21608@hotmail.co.th